อัตราการเข้าพัก คืออะไร?

Occupancy rate หรือ อัตราการเข้าพัก คือ ค่าที่แสดงว่าโรงแรมของคุณ มีแขกเข้าพักมากแค่ไหนในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งถือเป็นหนึ่งสิ่งที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า ธุรกิจโรงแรมของคุณประสบความสำเร็จขนาดไหน

เมื่อโรงแรมของคุณมีอัตราการจองห้องพักสูง ค่าอัตราการเข้าพักก็สูงตาม แต่ถ้าที่พักมีห้องว่างเหลือเยอะ แน่นอนว่าค่าอัตราการเข้าพักก็จะต่ำไปด้วย โดยค่าอัตราการเข้าพักนี้ จะผกผันไปตามระยะเวลาที่คุณต้องการนำมาคำนวณ สามารถคิดเป็นรายวัน สัปดาห์ เดือน หรือระยะยาวกว่านี้ก็ได้

สูตรคำนวณอัตราการเข้าพัก

วิธีคำนวณอัตราการเข้าพัก คือ ห้องพักที่จองแล้ว ÷ ห้องพักทั้งหมด x 100 = ค่าอัตราการเข้าพัก

ยกตัวอย่างเช่น วันนี้มีแขกเข้าพัก 10 ห้อง และห้องพักในโรงแรมของคุณมีทั้งหมด 20 ห้อง จะคิดเป็น (10 ÷ 20) x 100 = 50 ดังนั้น ค่าอัตราการเข้าพักของคุณ คือ 50%

อัตราการเข้าพัก สำคัญอย่างไร?

อัตราการเข้าพัก เป็นกุญแจสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความสามารถของการบริหารโรงแรมแบบองค์รวม โดยจะโฟกัสไปที่ การเข้าพักของแขก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของโรงแรม การที่อัตราการเข้าพักต่ำ อาจจะบอกได้ว่า โรงแรมของคุณ อาจจะยังไม่สะดุดตากลุ่มลูกค้าสักเท่าไหร่ หรือ ราคาห้องพักอาจจะสูงเกินไป หรือ ในระยะเวลานั้น มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจโรงแรมค่อนข้างสูง รวมถึง การที่นักท่องเที่ยวอาจจะไม่สามารถเข้าถึงช่องทางโปรโมทออนไลน์ของโรงแรมคุณก็เป็นไปได้

แนะนำ 6 วิธีเพิ่มอัตราการเข้าพักอย่างมีประสิทธิภาพ

การเพิ่มอัตราการเข้าพักให้มากขึ้น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากคุณลองพิจารณาและศึกษาแนวทางเหล่านี้

1.ทำความเข้าใจคู่แข่งในแวดวงธุรกิจเดียวกัน

การติดตามเรทราคาห้องพักของคู่แข่งถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในการเริ่มต้นแผนการยกระดับโรงแรมของคุณเลยก็ว่าได้ เพราะคุณสามารถรู้ถึงความเคลื่อนไหวทางการตลาดของโรงแรมในแวดวงเดียวกันได้ระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยให้คุณกลับมาคิด และวางแผนการบริหารธุรกิจของตัวเองโดยใช้ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงได้

และคุณควรเจาะลึกไปถึงข้อเสนอดีลเด็ด โปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ที่โรงแรมคู่แข่งจัดทำออกมาเพื่อเรียกลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของคุณได้

2. คอยปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมอยู่เสมอ

โลกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลา หากคุณตั้งราคาห้องพักเรทเดิมๆ นานเกินไป จุดนี้แหละ จะทำให้คุณพลาดโอกาสทองและอาจเสียลูกค้าไปโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น เราแนะนำให้คุณ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่เสมอ และให้ความสำคัญกับการปรับเรทราคาห้องพักตามสถานการณ์ปัจจุบัน โดยอิงจากราคาท้องถิ่นที่โรงแรมคุณตั้งอยู่ ซึ่งทาง Little Hotelier สามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและรายงานข้อมูลโรงแรมของคุณ รวมถึงโรงแรมคู่แข่ง เพื่อช่วยในการตัดสินใจปรับกลยุทธ์ธุรกิจ และปรับราคาห้องพักให้เหมาะสมกับโรงแรมของคุณได้ง่ายขึ้นด้วย

3. ตรวจสอบช่องทางโปรโมทห้องพักของคุณ

หากคุณโปรโมทห้องพักผ่านเว็บไซต์ OTAs อย่าง Booking.com หรือ Airbnb อย่าลืมติดตาม feedback ผลประกอบการ รายละเอียดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

ถ้าหากคุณเห็นว่า อัตราจองจากเว็บไซต์หนึ่ง ดีกว่าเว็บไซต์อื่นๆ ลองพยายามมองหาเหตุผล และคอยปรับใช้กับเว็บไซต์อื่นๆ ให้ดีขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นแค่สิ่งง่ายๆ อย่างการอัปเดตรูปภาพโรงแรมสวยๆ หรือ ปรับการใช้คำให้ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นมากขึ้นก็ได้

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ การโปรโมทบนเว็บไซต์ OTAs ให้มากพอที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าถึงโรงแรมของคุณได้ง่าย เพราะ OTAs เป็นแพลตฟอร์มจองห้องพักสำคัญที่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ใช้จองห้องพักออนไลน์กันทั้งนั้น โดยปัจจุบัน มีเว็บไซต์ OTAs กว่า 450 แพลตฟอร์มเลย อย่ามองข้ามจุดนี้เชียวล่ะ!

4. เช็ก Occupancy rate จากช่วงเวลาที่ผ่านมา

เพราะในแต่ละปี จะมีช่วงไฮซีซั่น และงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงของนักท่องเที่ยวมายังโรงแรมของคุณได้ แต่หากคุณไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดตรงนี้ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาจทำให้แคมเปญที่คุณคิดไว้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งเสียโอกาสและเสียเวลาไปไม่น้อยเลย

นอกจากนี้ การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการเข้าพักมักจะสูงขึ้น ราคาห้องพักของคุณ ก็ควรปรับขึ้นในช่วงเวลาเหล่านี้ด้วย

ส่วนในช่วงที่มีอัตราการเข้าพักต่ำ หรือโลว์ซีซั่น คุณควรเตรียมแผนกลยุทธ์การตลาดรับมือไว้ล่วงหน้า โดยคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่เป็นหลัก อย่างเช่น

  • เข้าร่วมงานเทศกาลในท้องถิ่น
  • จัดแพ็กเกจกิจกรรมพิเศษ
  • เสนออีเว้นท์ดีๆ ให้ผู้จัดงาน

และเมื่อติดตามผลลัพธ์ จนพบว่าอัตราการเข้าพักของคุณสูงขึ้นจากเดิม ก็ใช้แผนการตลาดที่คุณทำอยู่ ณ ตอนนั้น มาประยุกต์ใช้ในช่วงที่มีอัตราเข้าพักต่ำได้เลย

แต่อย่าลืมว่าความผิดพลาด และความคลาดเคลื่อนก็มีอยู่มากเช่นกัน ดังนั้น ก่อนจัดการวางแผนการตลาดระยะยาว ควรวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงช่วงโลว์ซีซั่นด้วย ขยันเช็กข้อมูลรอบตัวอยู่เสมอ เพื่อเจาะให้ถึงจุดที่สามารถรู้ได้ว่า ช่วงเวลาไหนที่อัตราการเข้าพักจะลดลง และวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหล่านั้น

5. อย่าลืมเปิดรับการจองตรงจากเว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์

เว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ที่สามารถเสิร์ชได้ง่ายๆ ผ่าน Google ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มการจองตรง และเพิ่มอัตราการเข้าพักได้ ลองนึกดูว่า หากไม่มีเว็บไซต์เหล่านี้ นักท่องเที่ยวจะเข้าถึงโรงแรมได้ยากและน่าปวดหัวมากแค่ไหน จึงไม่แปลกใจเลยที่เว็บไซต์กลุ่มนี้เป็นช่องทางยอดนิยมในยุคดิจิทัล ยิ่งถ้าเป็นเว็บไซต์ที่อ่านง่าย สะอาดตา จะยิ่งช่วยให้โรงแรมของและรูปที่พักสวยๆ ของคุณโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียว

นอกจากนี้ การเปิดรับจองตรง จะช่วยเลี่ยงค่าธรรมเนียมบางส่วนที่จ่ายให้กับช่องทางอื่นได้อีกด้วย

6. กำหนดข้อจำกัดระยะเวลาเข้าพัก และเสนอส่วนลดให้กับการพักระยะยาว

การใช้ข้อจำกัดด้านระยะเวลาเข้าพัก (LOS) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการคาดการณ์อัตราการเข้าพักและช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักได้

วิธีที่ดีที่สุด คือ การจำกัดระยะเวลาเข้าพักให้สั้น ในช่วงที่คุณคาดการณ์ไว้ว่าจะมีอัตราการเข้าพักสูง จะช่วยให้ช่วงเงียบๆ หลังจากนี้ ยังคงมีกำไรจากตอนแขกเข้าพักเยอะๆ อยู่

และควรกำหนดระยะเวลาเข้าพักระยะยาว เมื่อคุณวางแผนที่จะปล่อยเช่าห้องพักในเรทราคาสูง โดยหลีกเลี่ยงส่วนลดจากแขกที่พักระยะยาวในช่วงเวลานี้ และเมื่อแขกต้องการต่อเวลาพักให้นานขึ้น แต่เกินจากระยะเวลาสูงสุดทางโรงแรมที่กำหนดไว้ คุณก็สามารถชาร์จค่าที่พักในราคาสูงไปได้ด้วยนั่นเอง


เพิ่มอัตราการเข้าพักด้วย Little Hotelier

การเพิ่มอัตราการเข้าพัก เป็นการเปิดเส้นทางธุรกิจโรงแรมไปสู่ความสำเร็จ แต่มีดีเทลยิบย่อยอีกมากมายที่คุณต้องคอยจัดการอยู่ทุกๆ วัน Little Hotelier เป็นแพลตฟอร์ม all-in-one ที่สามารถรายงานข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยยกระดับอัตราการเข้าพักและรายได้ของโรงแรม ผ่านข้อมูลเหล่านี้ :

  • การตั้งราคาห้องพักแบบยืดหยุ่น : หรือ การตั้งราคาแบบไดนามิก (Dynamic Pricing) ซึ่งเป็นการตั้งราคาตามระดับความต้องการของตลาด เช่น ช่วงเทศกาล จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ความต้องการของที่พักก็จะสูงตาม ทำให้ทางโรงแรมสามารถขยับราคาขึ้นจากเดิมได้อย่างเหมาะสม
  • การรับจองตรง : การรับจองตรงจากเว็บไซต์จองห้องพักออนไลน์ หรือ ช่องทางโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆ จะช่วยให้โรงแรมหลีกเลี่ยงค่าคอมมิชชั่นจากเว็บไซต์ตัวกลางอื่นๆ ได้
  • ระบบจัดการโรงแรมออนไลน์ : สามารถจัดการข้อมูลทุกช่องทางจากเว็บไซต์ OTAs ต่างๆ โดยใช้ Little Hotelier เพียงแพลตฟอร์มเดียวได้ ด้วยระบบจัดการโรงแรมที่มีประสิทธิภาพและการกำหนดราคาห้องพักหลายช่องทางได้ง่ายๆ ทำให้เจ้าของโรงแรมมั่นใจได้เลยว่า ห้องพักของคุณ จะขายได้ในราคาที่ดีที่สุดอย่างสมเหตุสมผลแน่นอน

By Dean Elphick

คณบดีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเนื้อหาอาวุโสของ Little Hotelier ซึ่งเป็นโซลูชันซอฟต์แวร์แบบ All-in-One ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชีวิตของผู้ให้บริการที่พักขนาดเล็กง่ายขึ้น คณบดีได้สร้างการเขียนและสร้างเนื้อหาความหลงใหลของเขาที่มีต่อชีวิตการทำงานทั้งหมดของเขาซึ่งรวมถึงกว่าหกปีที่ Little Hotelier ผ่านเนื้อหาคณบดีมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การศึกษาแรงบันดาลใจความช่วยเหลือและในที่สุดความคุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่พักขนาดเล็กที่ต้องการปรับปรุงวิธีการดำเนินงานของพวกเขา (และใช้ชีวิต)